พาณิชย์กางแผนยุทธศาสตร์ส่งออกปี59 เน้นเจาะตลาดศักยภาพและขยายเข้าตลาดเมืองรองจับกลุ่มนิชมาร์เก็ตกำลังซื้อสูง พร้อมโชว์แผนงาน/กิจกรรมรายไตรมาส ขณะเร่งปฏิรูปโครงสร้างการส่งออกเพื่อวางรากฐานเศรษฐกิจในระยะยาว มุ่ง 5 กลุ่มคลัสเตอร์ดาวเด่น “สุวิทย์”มั่นใจส่งออกปีหน้าขยายตัว 3-4% มุ่งเจาะ50 เมืองจีดีพีสูง
แหล่งข่าวจากกระทรวงพาณิชย์เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ถึง ยุทธศาสตร์ในการขับเคลื่อนการส่งออกของไทยในปี 2559 ตามนโยบายของดร.สุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ว่า จะแบ่งออกเป็น 2 ยุทธศาสตร์หลักโดยมีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศเป็นผู้ดำเนินการ
คือ 1.การเร่งรัดการทำตลาดเชิงกลยุทธ์ โดยเฉพาะการบุกเจาะตลาดศักยภาพ เช่น จีน ฮ่องกง ไต้หวัน อินเดีย ออสเตรเลีย ตะวันออกกลาง ลาตินอเมริกา รัสเซีย และCIS และการขยายสู่ตลาดเมืองรองโดยการเจาะหัวเมืองเศรษฐกิจที่มีศักยภาพที่ผ่านการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย เน้นเจาะกลุ่มผู้บริโภคระดับบนในจีน อินเดีย ตะวันออกกลาง พร้อมเพิ่มช่องทางจำหน่ายที่สอดคล้องกับวิถีชีวิตที่เปลี่ยนไป การรักษาส่วนแบ่งตลาดในตลาดหลัก อย่างญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา และยุโรป โดยเฉพาะการเจาะกลุ่มเป้าหมายเฉพาะ อย่างกลุ่มผู้สูงอายุ กลุ่มผู้บริโภคที่ใส่ใจเรื่องสิ่งแวดล้อม โรงแรม เรือสำราญ หรือแม้แต่กลุ่มชาติพันธุ์ เช่นกลุ่มฮิสแปนิกในสหรัฐอเมริกา หรือกลุ่มผู้รักสัตว์ ซึ่งปัจจุบันเป็นกลุ่มที่ขยายตัวต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังผลักดันการตลาดผ่านช่องทางแนวทางใหม่ๆเช่น POP-UP STORE,SPECIAL STORE และสนับสนุนให้ผู้ประกอบการไทยจัดตั้งSales/Marketing Office
ส่วนการบุกตลาดใหม่ อย่างตลาดแอฟริกา เอเชียใต้นั้น จะเน้นขยายตลาดในเมืองที่มีศักยภาพ เช่น ลากอส ไคโร โคลัมโบ ธากา เป็นต้น รวมไปถึงการผลักดันสินค้า และบริการพื้นฐานที่สอดคล้องกับระดับการพัฒนาประเทศ และการสร้างพันธมิตรทางธุรกิจเพื่อเป็นแหล่งวัตถุดิบที่จำเป็นต่ออุตสาหกรรมการผลิตเพื่อการส่งออกของไทย อย่างอัญมณี และประมง
อย่างไรก็ตามในยุทธศาสตร์แรกนั้นกระทรวงพาณิชย์ได้กำหนดแผนงานและกิจกรรมไว้ตลอดทั้ง 3 ไตรมาสของปีหน้า เช่น ในไตรมาส1 (ต.ค.-ธ.ค.58) เน้นจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายที่เมืองตงก่วนในจีน หรือการเพิ่มช่องทางจำหน่ายที่เมืองโคจิ ประเทศอินเดีย ไตรมาส2 (ม.ค.-มี.ค.59) เน้นการจัดงานไทยแลนด์วีค ที่เจนไน ประเทศอินเดีย และที่เตหะรานที่อิหร่าน จัดงานแสดงสินค้าไทยที่มีศักยภาพ หรือนำผู้ประกอบการไปบุกตลาด เช่น ตะวันออกกลาง แอฟริกา เน้นเจาะกลุ่มผู้นำเข้าสินค้าระดับไฮเอนด์ ส่วนไตรมาส3 และไตรมาส4 นำคณะผู้ประกอบการศึกษาตลาดสำคัญๆ เช่น จีน ญี่ปุ่น ยุโรป สหรัฐฯ เป็นต้น
“เราคาดหวังว่าการเน้นเจาะตลาดกลุ่มเป้าหมายนิชมาร์เก็ตที่มากขึ้นในตลาดหลักนั้นจะช่วยผลักดันตัวเลขการส่งออกของไทยในปีหน้าขยายตัวดีกว่าปีนี้ เพราะตลาดกลุ่มนี้มีกำลังซื้อสูงและซื้อต่อเนื่อง “
ส่วนยุทธศาสตร์ที่ 2 คือการปฏิรูปโครงสร้างการส่งออกเพื่อวางรากฐานเศรษฐกิจในระยะยาว โดยเฉพาะการส่งเสริมอุตสาหกรรมรายคลัสเตอร์ซึ่งมี 5 กลุ่ม ประกอบด้วย เกษตรแปรรูปและอาหาร อุตสาหกรรมหนัก แฟชั่นและไลฟ์สไตล์ โอท็อป และธุรกิจบริการ ไม่ว่าจะเป็น บันเทิง ดิจิตอลคอนเทนต์และซอฟต์แวร์ ออกแบบ ก่อสร้าง สิ่งพิมพ์และบรรจุภัณฑ์ โรงแรม ซึ่งล้วนแต่เป็นกลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจของไทย
ขณะที่ ดร.สุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า กระทรวงพาณิชย์ได้วางมาตรการการส่งออกของปีหน้าโดยเน้นขยายตลาดอีก 50 เมืองที่เศรษฐกิจกำลังเติบโตและที่มีจีดีพีสูงที่สุดในโลก เช่น นิวยอร์ก โตเกียว เซี่ยงไฮ้ ลอนดอน ปักกิ่ง ปารีส เสินเจิ้น ดัลลัส วอชิงตัน ดี.ซี. ฮุสตัน เซาเปาโล มอสโก เม็กซิโก ซิตี โอซากา ฟิลาเดลเฟีย บอสตัน ซานฟรานซิสโก ฮ่องกง เป็นต้น ทั้งนี้มั่นใจว่าตัวเลขส่งออกปี 2559จะขยายตัวได้ที่ 3-4%
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 35 ฉบับที่ 3097 วันที่ 18 – 21 ตุลาคม พ.ศ. 2558