ราชาทูน่าโลก "ธีรพงศ์ จันศิริ" จากผู้ผลิตสู่เจ้าของแบรนด์ดัง
นั บเป็น 35 ปีเต็มแห่งความสำเร็จของบริษัท ไทยยูเนี่ยน โฟรเซ่น โปรดักส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TUF จากธุรกิจผลิตทูน่ากระป๋องในนาม บริษัทไทยรวมสินอุตสาหกรรม ในอดีต มาสู่ผู้ชำนาญการด้านอาหารทะเลระดับโลก หรือ TUF is the World"s Seafood Expert บริษัทซึ่งเป็นเจ้าของแบรนด์ดังระดับโลก ไม่ว่าจะเป็น Chicken of the Sea-John West-Petit Navire และ Mareblu
มาในวันนี้ TUF กำลังขยายอาณาจักรแผ่ออกไปทั่วโลก จากรุ่นสู่รุ่นภายใต้การดำเนินธุรกิจในสไตล์ "ตรงไปตรงมา ง่าย ๆ ไม่ซับซ้อน" แต่สามารถทำรายได้รวมถึงปีละ 32,375 ล้านบาท (2554) ท่ามกลางการจับจ้องของผู้คนในวงการอาหารทะเลทั้งภายในและภายนอกประเทศที่ว่า ก้าวต่อไปของ TUF จะทำอะไร ? "ประชาชาติธุรกิจ" สัมภาษณ์ นายธีรพงศ์ จันศิริ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยยูเนี่ยน โฟรเซ่น โปรดักส์ จำกัด (มหาชน)
- ทำไม TUF จึงประสบความสำเร็จ
บริษัทเรามีวิสัยทัศน์ที่ชัดเจน โดยจะเห็นว่า เราจะโฟกัสในธุรกิจที่เราอยู่ ขยายธุรกิจในหมวดที่เรามีความชำนาญคือ อาหารทะเล เรามีการเติบโตอย่างต่อเนื่องทั้งในส่วนของรายได้และกำไรมาโดยตลอด เราต้องเตรียมความพร้อมตลอดเวลา ไม่ว่าจะความรู้ความเข้าใจในธุรกิจ บุคลากร และที่สำคัญก็คือ การเงิน นั้นคือคำตอบว่า ทำไม TUF ถึงถึงต้องนำบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในปี 2537 ก่อนเราจะรุกออกสู่ตลาดต่างประเทศ ด้วยการซื้อกิจการของบริษัทชั้นนำระดับโลกมาจนถึงปัจจุบัน
ความจริงก็คือ เราเติบโตมาจากบริษัทเล็ก ๆ (บริษัทไทยรวมสินพัฒนาอุตสาหกรรม-ผลิตทูน่ากระป๋องในปี 2520) ไม่มีเงินทุนสูงมาก เรามาจากธุรกิจครอบครัวเล็ก การแข่งขันในระดับโลกก็ค่อนข้างรุนแรงมาก ผมเชื่อว่า หากเราไม่ได้อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ฯเราจะเติบโตยาก แต่การอยู่หรือไม่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ฯก็ไม่ใช่ว่า ทุกบริษัทจะต้องประสบความสำเร็จหรือมีการเติบโตสูงเพราะ สิ่งเหล่านี้ขึ้นอยู่กับวิสัยทัศน์ของผู้บริหาร หรือ ความทะเยอทะยานนั่นเอง
- อะไรคือความทะเยอทะยานของ TUF
เราต้องสร้างองค์กรและธุรกิจให้เติบโตอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน ความยั่งยืนเป็นกระบวนการพัฒนาที่ต้องดำเนินการอย่าง
ต่อเนื่องตลอดเวลา ยังมีหลายเรื่องที่เราต้องทำ ขนาดองค์กร และขนาดธุรกิจที่ใหญ่ขึ้น การจัดการก็ต้องมีการปรับเปลี่ยนตลอดเวลา องค์กรก็ต้องมีการปรับเปลี่ยน และวันนี้สภาพแวดล้อมเปลี่ยนแปลงมาก สภาพการแข่งขันก็เปลี่ยนแปลงเร็วมาก เรายิ่งใหญ่ขึ้น ความเสี่ยงก็มากขึ้น การแข่งขันก็มากขึ้น ขนาดของคู่แข่งในตลาดโลกก็ใหญ่ขึ้น ต้องเสริมความเข้มแข็งของเราตลอดเวลา มันหยุดไม่ได้
จากรุ่นสู่รุ่น สิ่งที่เราภาคภูมิใจอีกอันหนึ่งก็คือ เราเป็น World Company เราเป็น World Headquarter โดยบริษัทคนไทยที่มีศูนย์กลางอยู่ที่ประเทศไทย และด้วยวิธีการที่เราเป็น World Company เราจึงมีการขยายตัวในต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง และคาดว่าจะมีมากขึ้นเรื่อย ๆ
- การจัดโครงสร้างองค์กรในปัจจุบัน
เราจะแบ่งเป็น 6 กลุ่มตาม Category มี กลุ่มทูน่า-กลุ่มกุ้ง-กลุ่ม Petfood-กลุ่มซาร์ดีนแมคเคอเรล แต่ละกลุ่มจะมีคนดูไป เรามีบริษัทในต่างประเทศที่เราเข้าไปลงทุน มีการตั้งผู้บริหารดูแลตลาดสหรัฐ-ยุโรป แต่ทั้งหมดขึ้นอยู่กับบริษัทแม่ (TUF) ที่ประเทศไทย ซึ่งผมดูแลโดยตรง การขยายการลงทุนในต่างประเทศถือเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ของ TUF นั้นหมายความว่า เราต้องลงทุนในต่างประเทศมากขึ้นเรื่อย ๆ โครงสร้างของบริษัทต้องสอดรับการเติบโต ที่ยุโรปวันนี้เราอยู่ใน 5 ประเทศจาก 27 ประเทศยังไม่รวมประเทศที่อยู่นอกเหนือเครือข่ายไปถึงรัสเซีย ดังนั้นเรายังมีโอกาสที่จะเติบโตอีกเยอะ ยังไม่รวมภูมิภาคอื่น ๆ เช่น แอฟริกา ตะวันออกกลาง เอเชีย-แปซิฟิก
วันนี้ฐานในยุโรปของเราอยู่ที่ ปารีส ฝรั่งเศส ทุกบริษัทเราแยกออกจากกันโดยมี TUF เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ในสหรัฐเรามี Thai Union International Inc. เป็นโฮลดิ้งคอมปะนี มีไทยยูเนี่ยนอยู่ที่ลักเซมเบิร์ก ดูแลการลงทุนในยุโรปทั้งหมด
ความจริงการมีบริษัทย่อยในประเทศเหล่านี้เป็นเรื่องการทำระเบียบกฎหมายของประเทศนั้น ๆ รวมไปถึง เรื่องของภาษีด้วย
- ก้าวไปเกือบครึ่งโลกแล้ว อีกครึ่งโลกจะได้เห็นเมื่อไหร่
ผมมองว่า เราจะเติบโตไปเรื่อย ๆ อีกครึ่งโลกได้เห็นแน่ เพราะการเติบโตแบบนี้ถือเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ของเราอยู่แล้ว ตลาดยังมีอีกเยอะ ในสินค้า 6 กลุ่มของเรายังมีอีกหลายตัวที่เรายังไม่ได้ลงทุนอย่างเต็มที่ วันนี้เรายังหนักอยู่ที่กลุ่มทูน่ากับกุ้ง แต่ยังมี Petfood แซลมอนอีก สินค้าเหล่านี้เป็นกลไกในการเติบโตขอ TUF ยังไปได้อีกไกล เพื่อให้บรรลุถึงวิสัยทัศน์ในปี 2020 ที่ว่า TUF จะต้องทำยอดขายให้ถึง 8,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ผมจะต้องผลักดันให้ไปให้ถึงจุดนั้นให้ได้
อย่างที่มองกลยุทธ์ในการเติบโตของเราก็คือ การเข้าไปลงทุนในต่างประเทศ ตรงนี้ขึ้นอยู่กับเวลา จังหวะ และโอกาส การเข้าไปซื้อแบรนด์ (Brand) ใหญ่ ๆ หรือไม่ ขึ้นอยู่กับธุรกิจในตลาดนั้น ๆ อย่างกุ้งแรก ๆ เราก็ซื้อก่อนแล้วก็ซื้ออีกบริษัท Chicken and Frozenfood เราใช้จัดตั้งใหม่และก็ควบรวมสองบริษัทนี้เข้าไว้ด้วยกัน ตรงนี้แสดงให้เห็นถึงจังหวะและโอกาสจะเป็นอย่างไร เราก็ผสมผสานกันไปทั้งที่เราตั้งใหม่และเราก็เข้าไปซื้อกิจการเขามา ขึ้นอยู่กับว่า อะไรที่เหมาะสมคือไม่มีสูตรสำเร็จตายตัว
แบรนด์ที่มีอยู่แล้ว มีชื่อเสียง ทำตลาดอยู่ในปัจจุบัน เราก็ต้องซื้อ แต่อย่างกุ้งนี้มันไม่มีแบรนด์ เราต้องใช้แบรนด์ที่เรามีกระจายเข้าไป อย่างที่ยุโรป เรามีแบรนด์ John West ผมก็เพิ่มโฟรเซ่นซีฟูดส์เขาไป อย่างนี้ก็เป็นการตั้งใหม่แล้วเราก็ขยายเข้าไปอีก เดิม John West ทำแค่กระป๋อง ผมก็เพิ่มอาหารทะเลแช่แข็ง เข้าไปในแบรนด์นี้ด้วย
- รู้สึกอย่างไรกับคำว่า ราชาทูน่าโลก
ผมว่า บริษัทเราเป็นผู้ผลิตและเป็นเจ้าของแบรนด์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกอยู่แล้ว ฉะนั้นวันนี้ผมไม่รู้ว่า ราชาหรือไม่ แต่ตอนนี้ด้วยขนาดของ TUF เราใหญ่ที่สุดในโลก เมื่อก่อนเราเป็นผู้ผลิต แต่วันนี้วันเป็นเจ้าของแบรนด์ใหญ่ทั้งโลก